นายกฯพอใจเงินเฟ้อลด ชี้การเมืองชัดเจนพาเศรษฐกิจฟื้น
วันที่ 13 มิ.ย. นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบที่กระทรวงการคลังรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกปี 66 โดยในที่ประชุม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามและแสดงความพอใจที่เงินเฟ้อทั่วไปของไทยคลี่คลาย โดยชะลอตัวในเดือน พ.ค. อยู่ที่ 0.53% ชะลอเป็นเดือนที่ 5 และต่ำสุดในรอบ 21 เดือน ถือว่าต่ำสุดในอาเซียน จากราคาน้ำมันและกระแสไฟฟ้า ราคาอาหารลดลง รวมทั้งมองว่าหากจะให้เศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่อง สถานการณ์การเมืองต้องชัดเจน และจะทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับดีขึ้นต่อเนื่องด้วย
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเดือนที่ 6 สูงสุดในรอบ 53 เดือน นับจากปี 62 เป็นต้นมา จากเศรษฐกิจในประเทศไทยฟื้นและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา รวมถึงการเตรียมประกาศรับรองสภาผู้แทนราษฎร และการจัดการเลือกตั้งในช่วงที่ผ่านมา เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทำให้มีความเชื่อมั่นได้ระดับหนึ่ง
นายอนุชา กล่าวว่า กระทรวงการคลังรายงานในครม.ถึงภาวะเศรษฐกิจไตรมาสแรก และแนวโน้มต่อไป โดยเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าของไทยมีแนวโน้มขยายตัว 2.5% ในปี 66 และ 2.9% ในปี 67 จากแรงส่งของภาคบริการของเศรษฐกิจสหรัฐ และกลุ่มยุโรป และเศรษฐกิจของจีนที่ขยายตัวหลังการยกเลิกมาตรการควบคุมโรค ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัว ส่วนอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ของประเทศเศรษฐกิจหลักยังสูงกว่ากรอบเป้าหมาย ส่งผลให้นโยบายทางการเงินของธนาคารกลางส่วนใหญ่ยังคงเข้มงวด เพื่อดูแลอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง
ด้านเศรษฐกิจไทย มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยขยายตัว 3.6% ในปี 66 และ 3.8% ในปี 67 จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ คาดว่าจะอยู่ที่ 28 ล้านคน ในปี 66 และ 35 ล้านคน ในปี 67 ส่วนการบริโภคของภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัว 4% โดยเฉพาะภาคบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ขณะที่การส่งออกของไทยมีแนวโน้มหดตัวเล็กน้อยที่ 0.7% จากการชะลอตัวของอุปสงค์ประเทศคู่ค้าคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
อย่างไรก็ตาม การส่งออกสินค้ามีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปีตามของอุปสงค์โลก โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าของไทย ปี 67 คาดว่าจะขยายตัวที่ 4.3% และอัตราเงินเฟ้อทั่วไป จะอยู่ที่ 2.9% ในปี 66 และ 2.4% ในปี 67 โดยประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อจะเริ่มมีแนวโน้มกลับสู่เป้าหมายได้ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 66
ขณะที่ภาวะการเงินโดยรวมอยู่ในระดับผ่อนคลาย โดยตึงตัวขึ้นบ้างตามอัตราดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้น ค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 33.93 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นจากค่าเฉลี่ยไตรมาสก่อน เนื่องจากการประกาศเปิดประเทศของจีน และการคาดการณ์การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวไทยคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ส่วนคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประเมินว่า ระบบการเงินไทยโดยรวมอย่างมีเสถียรภาพ แต่ต้องติดตามพัฒนาการตลาดการเงินโลกและปัญหาสถาบันการเงินในประเทศเศรษฐกิจหลัก ขณะที่เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง จากภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคของเอกชนเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามความเสี่ยงเงินเฟ้อจากแรงกดดันด้านอุปสงค์ที่อาจเพิ่มขึ้น โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น ต้องสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ